Baan Aree'26


Fun Learning traditional Thai designs with JitdraThanee's Logo

        ด.ช. ปัน ส่งผลงานลายไทยมาแบบ มาราธอน (หลังจากทิ้งห่างจากภาพคราวที่แล้วไปปีเศษๆ) ทีเดียวกระหน่ำ somersault พร้อมกันถึง ๑๖ ภาพเลยครับ ระเบียง 'วาดเล่น ๆ กับ จิด-ตระ-ธานี' ขอร่วมชื่นชมผลงานลายไทยของหนูน้อยวัย ๑๐ ขวบ คนนี้อีกครั้งครับ

 
ด.ช. สิรวิชญ์ จตุรภัทรานนท์ (ปัน) , ๑๐ ขวบ
โรงเรียนธัมมสิริศึกษา สัตหีบ , จ.ระยอง

แรงบันดาลใจ : ภาพที่ : ครูสั่งให้วาดครับ แบบจากหนังสือประวัติพระพิฆเนศ
ภาพที่ : คิดเองครับ ตอนนั้นโดนยักษ์ตัวนั้นอมอยู่ เพราะอยากกินขนม ใช้ดินสอ EE วาดครับ
ภาพที่ : วิรุณมุข กายสีเขียว ปากขบ ตาโพลง สวมกระบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก (ชฎาเด็ก)
ภาพที่ : ภาพกุมภกรรณ กายสีเขียว สวมกระบังหน้า ปากแสยะ ตาโพลง เป็นน้องคนที่ ๑ ของทศกัณฐ์
ภาพที่ : ภาพเสนายักษ์นิรนาม ?
ภาพที่ : ภาพทัพนาสูรถูกสุครีพตัดแขน ส่วนศรที่ปักหัววาดขึ้นเองทำให้ดูโหดขึ้น
ภาพที่ : อสูรกุมพล เมื่อก่อนเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ แต่ไปรักกับนางรับใช้ของพระอิศวรจึงถูกสาปให้เป็นยักษ์ที่มีเพียงครึ่งตัว
ภาพที่ : ภาพยักษ์ในจินตนาการครับ
ภาพที่ : หนุมาน
ภาพที่ ๑๐ : ภาพพญาขรแห่งเมืองโรมคัล กายสีเขียว ปากขบ ตาจระเข้ สวมมงกุฎจีบ เป็นน้องคนที่ ๓ ของทศกัณฐ์
ภาพที่ ๑๑ : ภาพไพนาสุริยวงศ์ หรือทศพิน เป็นลูกของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ เป็นลูกคนสุดท้อง
ภาพที่ ๑๒ : ภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภาพที่ ๑๓ : อสูรปักษา (ครึ่งยักษ์ครึ่งนก) ครับ
ภาพที่ ๑๔ : ครุฑยุดนาค ใช้ดินสอ EE วาดครับ
ภาพที่ ๑๕ : เหราสู้กัน จับเด็กเป็นตัวประกันด้วย
ภาพที่ ๑๖ : ภาพนางยักษ์อากาศตะไล เสื้อเมืองแห่งกรุงลงกา กายสีแดงเสน มี ๔ หน้า ๘ มือ สวมมงกุฎทรงน้ำเต้า ๕ ยอด ปากแสยะ ตาโพลงถืออาวุธครบมือ

ส่งผลงานเมื่อ ๒๗ พ.ย. ๒๕๕๓)
 
 






Pun's portrait


  select arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrowselect arrow

20
123456789101112131415161718192021222324252627282930313233
select arrowselect arrow
343536373839404142434445464748495051525354


  พระพิฆเนศเป็นเทวดาในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ที่คนไทยนิยมให้ความเคารพนับถือกันอย่างล้นหลาม แทบจะเรียกได้ว่า มากกว่าในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นตำรับเสียอีก (เพื่อนที่เคยเรียนอยู่ที่อินเดียมานานหลายปี บอกผมว่าคนอินเดียนิยมนับถือพระกฤษณะ (Krishna) หรือพระนารายณ์มากกว่า) และการนับถือเทวดาแบบที่คนไทยนิยมกันนั้น แทบจะเรียกได้ว่า ตรงข้ามกับความเป็นพุทธศาสนิกชนแทบทุกประการ (ทั้งๆ ที่มักบอกใครต่อใครว่า ตนเป็นชาวพุทธ) แน่นอนว่า พุทธศาสนา (แปลว่า "ศาสนาของผู้รู้" รู้อะไรน่ะเหรอ..? ก็รู้จักธรรมชาติตามความเป็นจริง และหนทางที่ทำให้ไม่ต้องเวียนกลับมาทุกข์ซ้ำๆ ซากๆ อีกไง) เป็นศาสนาที่เรียกได้ว่า "อเทวนิยม" คือไม่มีเทวดาผู้สร้าง หรือพระผู้เป็นเจ้าผู้ดลบันดาลใดๆ และไม่เคยสอนให้บวงสรวง บนบาน อ้อนวอนร้องขอเอาจากเทวดา โดยไม่ช่วยตัวเอง ไม่เชื่อในผลของกรรม หรือผลที่เกิดจากวิบาก หรือการกระทำของตัวเองเป็นหลัก

   แต่พระพุทธศาสนา ยอมรับการมีอยู่ของเทวดา โดยถือเป็นหนึ่งในกำเนิด ๔ ที่เรียกว่า "โอปปาติกะ" แต่ท่านสอนให้นับถือเทวดา ตรงที่คุณของการได้กำเนิดเป็นเทวดา (ตะหาก) เพราะการได้ภพของเทวดา จำเป็นต้องมีหิริโอตัปปะ หรือความละอาย ความเกรงกลัวต่อบาป เหมือนๆ กับที่เรารู้สึกนับถือมนุษย์เดินดินกินข้าวแกง ที่เป็นคนดีๆ คนหนึ่งนั่นแหละครับ เพราะมีเขาเป็นตัวอย่างที่ดี เราจึงมุมานะเพียรพยายาม เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้พัฒนาตัวเอง ให้เป็นคนดีคนหนึ่งได้อย่างเขา แต่คนดีๆ คนนี้ สักวันหนึ่งก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เหมือนๆ กับเราทุกอย่าง แต่..สิ่งที่เราจะพึงระลึกได้ ก็เฉพาะคุณงามความดีที่เขาทิ้งไว้ ให้เราได้เดินตามหรือเป็นแบบอย่างนั่นเอง ใช่มั้ยครับ..? และ..เราคงจะไม่มานั่งตั้งหน้าตั้งตา จุดธูปอ้อนวอน ให้เขามาให้ลาภ ให้ยศ หรือคุ้มครองภัยอันตรายใดๆ ให้กับเราหรอกนะครับ เพราะคนดีๆ คนนี้ ก็ยังต้องสาละวนช่วยเหลือตัวเองให้รอดเช่นกัน
   เทวดาก็เช่นกันครับ ท่านก็ยังไม่พ้นทุกข์จริงๆ หรอก เพราะยังได้ชื่อว่า..เป็นผู้ "เกิด" เมื่อเกิดได้ ก็ต้องมีวันตายเช่นกัน (คนไทยส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า เทวดาก็มีวันตายเหมือนกัน) เหตุเพราะหมดผลบุญที่สั่งสมมานั่นเอง แต่จะร่วงลงต่ำกว่าภพของเทวดาหรือไม่ อันนี้ก็สุดแท้แต่เวรแต่กรรมของท่านแต่ละองค์เป็นหลักแล้วล่ะครับ แล้ว..รู้มั้ยครับว่า สุคติของเทวดาคืออะไร.? คำตอบ..คือ "ภพของมนุษย์" ครับ พอเทวดาองค์ไหนใกล้จะตาย (เพราะหมดบุญ โดย..วิมานจะโทรม ดอกไม้จะเหี่ยว และมีเหงื่อออกจากรักแร้) เพื่อนๆ เหล่าทวยเทพก็จะพากันอวยพร เพื่อให้ท่านได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ (แต่มนุษย์อยากเป็นเทวดา กลับกันไปกลับกันมา..? พิลึกดีมั้ยครับ)

    พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า ตราบใดที่ยัง (หลง) เวียนตายเวียนเกิดอยู่นั้น ที่จะให้หลีกเลี่ยงให้พ้นจากอบายภูมิ (อะ แปลว่า ไม่, บาย มาจาก สบาย จึงแปลได้ว่า "เป็นภูมิที่ไม่สบาย") เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง พระพุทธองค์จึงสอนให้เรามองสัตว์ทั้งหลาย (สัตว์ ในความหมายของพระพุทธเจ้า จะเหมารวมหมดทั้ง มนุษย์ เทวดา พรหม เปรต อสุรกาย สัตว์นรก และสัตว์เดรัจฉาน ด้วย) เป็นดั่งเพื่อนร่วมทุกข์ ที่ยังต้องการแสงสว่างทางปัญญาเพื่อชี้นำทาง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมา วนเวียนอยู่ในกองทุกข์ เพราะต้องเกิดๆ ตายๆ ซ้ำๆ ซากๆ อีกตลอดไป

   อ้าว...นอกเรื่องมาตั้งนาน เห็นภาพนี้ภาพเดียวพูดไปโน่น ที่เล่ามาตั้งนาน ก็แทบจะสรุปได้ว่า "คนไทยจำนวนมาก ห่างไกลจากความเป็นพุทธะมากน้อยแค่ไหน"..T^T ไม่เอาละ! มาวิจารณ์รูปต่อดีกว่า ^^.. รูปนี้ปันวาดได้ดีครับ เป็นพระคเณศ ทรงเครื่องสไตล์แบบแขกๆ ที่เรามักจะเห็นตีพิมพ์เป็นภาพสี เป็นโปสเตอร์ จำหน่ายกันอยู่ดาษดื่นทั่วๆ ไป แต่ดูเหมือนรูปนี้จะถ่ายมาเอียงนิดๆ นะครับ เลยทำให้ภาพดูเบี้ยวๆ ไป เห็นแล้วต้องบอกว่า เด็ก ๑๐ ขวบ วาดได้ขนาดนี้เลยเหรอ T^T แต่ภาพที่ส่งมาใหม่ชุดนี้ยังมีเด็ดกว่านี้อีกนะ คลิกดูรูปต่อไปดีกว่าครับ : จิด-ตระ-ธานี (๘ ธ.ค. ๒๕๕๓)
 
 
 

 


 
 
 

 
     


 
Histats.com, Created : 7 Dec.2010
   
  Create and Maintained by JitdraThanee Copyright © 2008-2014 by JitdraThanee.com, All Rights Reserved. Best viewed 1280x800 pixels.