Home & NewsHistoryDhamma AreeKai-U Luck KidDhamma's WebboardContactDhamma Cartoon
 
 
MP3VDOsPDF  
 



พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

๑๘. "กินเจ..กินเนื้อ เปรียบเหมือน กบ กับ คางคก" โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท แนะนำโดย พ่อไก่อู (๑๘ ต.ค. ๒๕๕๕)

     ช่วงนี้อยู่ในช่วง "เทศกาลกินเจ" (๑๕ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ ) หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า "เทศกาลกินผัก" ก็ได้ แต่ก่อน..โน้น (ประมาณ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว) ความนิยมในการกินเจ มีจำกัดอยู่แต่เฉพาะ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนกลุ่มย่อยๆ เท่านั้น เพียงไม่กี่จังหวัด แต่หลังจากสื่อมวลชนไทย ได้มีการประโคมข่าวออกทีวีอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ "เจลิสซึ่ม" ไปทั่วประเทศ (นี่ผมตั้งเองนะ) และเริ่มมีความนิยมในหมู่คนไทย ที่นับถือศาสนาอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีความเชื่อ และที่มาของการถือศีลกินเจ ที่แตกต่างกันหลากหลาย ไม่จำกัดวงแต่เพียงเฉพาะ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนแล้วเท่านั้น (คลิกอ่านที่มา..เทศกาลกินเจ โดย กระปุก.คอม)

     พอดีผมเปิด facebook และไปเจอ "ธรรมะจากพระผู้รู้" ที่น่าสนใจเข้าครับ ก็เลยอยากจะมาปันกัน เป็นคำถามที่โยมคนหนึ่ง ไปถาม หลวงพ่อชา สุภัทโท พระมหาเถระสายอีสาน แห่งวัดหนองป่าพง เข้า เกี่ยวกับเรื่องนี้

     อ่านแล้วมีใจความน่าสนใจมากครับ ก็เลยอยากจะเอามาเผยแพร่ต่อ ต้องขอขอบคุณ FB "เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" ที่โพสเรื่องนี้ และเพื่อนผมก็เอามาแชร์ต่อ ให้ได้อ่านกันนะครับ

พ่อไก่อู
 


"กินเจ..กินเนื้อ เปรียบเหมือน กบ กับ คางคก"

วันหนึ่งมีคนมาถามหลวงพ่อชา เกี่ยวกับเรื่องการกินเจ กับการกินอาหารเนื้ออาหารปลา ต่างกันอย่างไร อย่างไหนถูก อย่างไหนผิด
ท่านตอบว่า

"เหมือนกบกับคางคกนั่นแหละ โยมว่า กบ กับ คางคก อย่างไหนมันดีกว่ากัน

ความจริงแล้ว พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ฉันอะไร ไม่ได้เป็นอะไร ในจิตของท่านไม่มีอะไรเป็นอะไรอีกแล้ว

การบริโภคอาหารเป็นสักแต่ว่า เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกายพอให้คงอยู่ได้ ท่านไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร ไม่ให้ติดอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง ให้รู้จักประมาณในการบริโภค ไม่ให้บริโภคด้วยตัณหา นี่เรียกว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ฉันอะไร ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไรแล้ว

ถ้าคนกินเนื้อไปติดอยู่ในรสชาติของเนื้อ นั่นเป็นตัณหา ถ้าคนไม่กินเนื้อ พอเห็นคนอื่นกินเนื้อก็รังเกียจและโกรธเขา ไปด่าว่านินทาเขา เอาความชั่วของเขาไปไว้ในใจตัวเอง นั่นก็เป็นคนโง่กว่าเขา ทำไปตามอำนาจของตัณหา เหมือนกัน

การที่เราไปโกรธเกลียดเขานั้น มันก็คือผีที่สิงอยู่ในใจเรา เขากินเนื้อเป็นบาปเราโกรธเขา เราก็เป็นผีเป็นบาปอีกเหมือนกัน มันยังเป็นสัตว์อยู่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่เป็นธรรมะ อาตมาจึงว่าเหมือนกบกับคางคก

แต่ทางที่ถูกนั้น ใครจะกินอะไรก็กินไป แต่ให้มีธรรมะ คนกินเนื้อ ก็อย่าเห็นแก่ปากปากท้อง อย่าเห็นแก่ความเอร็ดอร่อยจนเกินไป อย่าถึงกับฆ่าเขากิน ส่วนคนกินเจก็ให้เชื่อมั่นในข้อวัตรของตัวเอง เห็นคนอื่นกินเนื้ออย่าไปโกรธเขา รักษาตัวเราไว้ อย่าให้คิดอยู่ในการกระทำภายนอก พระเณรในวัดนี้ของอาตมาก็เหมือนกัน องค์ไหนจะถือข้อวัตรฉันเจก็ถือไป องค์ไหนจะฉันธรรมดาตามมีตามได้ก็ถือไป แต่อย่าทะเลาะกัน อย่ามองกันในแง่ร้าย อาตมาสอนอย่างนี้ ท่านก็อยู่ไปด้วยกันได้ ไม่เห็นมีอะไร

ให้เข้าใจว่า ธรรมะที่แท้นั้น เราจะเข้าถึงได้ด้วยปัญญา ทางปฏิบัติที่ถูกก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเราสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไว้ดีแล้ว จิตก็จะสงบ และปัญญาความรู้เท่าทันสภาพของสังขารทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น จิตใจก็เบื่อหน่ายจากสิ่งที่น่ารักน่าใคร่ทั้งหลาย วิมุตติก็เกิดขึ้นเท่านั้น"

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
จากหนังสือ "ใต้ร่มโพธิญาณ"

 
    กลับด้านบน
  Create and Maintained by JitdraThanee Copyright © 2008-2014 All Rights Reserved. Best viewed 1280x800 pixels.  
start Histats: 29 Aug.2010